วันอาทิตย์ที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2556

รู้จักมะเร็งลำไส้(ใหญ่) สาเหตุการตายอันดับ 2 ของคนไทย

 

มะเร็งลำไส้ หรือที่เรียกกันคือ มะเร็งลำไส้ใหญ่เป็นสาเหตุการตายอันดับ 3 รองจากโรคมะเร็งปอด และมะเร็งตับ ซึ่งโดยส่วนใหญ่แล้วผู้ป่วยมะเร็งลำไส้ใหญ่จะมีสาเหตุมาจาการกินอาหาร เช่น การกินของดิบ ของสกปรก หรืออาหารที่มีพยาธิ เราจึงควรให้ความสำคัญกับอาหารที่เรากินเข้าไปนะครับ เพื่อให้ลำไส้ของเราอยู่ได้นานๆ และชีวิตของเราก็จะยืนยาวไปด้วย



อายุเท่าไหร่ที่จะเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่?
จากสถิติจะพบผู้ป่วยในช่วงวัยอายุ 50 ปีขึ้นไป ดังนั้นเมื่อเราอายุ 40 ขึ้นเราควรใส่ใจอาหารการกิน เพื่อให้ร่างกายได้รับอาหารที่มีประโยชน์ โดยเฉพาะผักและผลไม้ที่จะช่วยในการขับถ่าย เพราะการขับถ่ายที่ดีจะช่วยให้ลำไส้สะอาด และลดการเป็นโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ โดยส่วนตัวพ่อผมมีปัญหาเกี่ยวกับลำไส้แต่ยังไม่เป็นมะเร็งก็เมื่อตอนอายุ 55 ปี ช่วงนั้นผอมมาก เกิดจากช่วงวัยรุ่นพ่อผมทานปลาดิบ (ลาบดิบแบบอีสาน) ทำให้ลำไส้มีปัญหาแต่เจอในระยะเบื้องต้น ไปหาหมอหมอเลยให้ยามา 1 กระสอบเห็นจะได้ กินอยู่ประมาณ 2 ปีก็อาการดีขึ้น

สาเหตุของมะเร็งลำไส้
- ท้องผูก เกิดจากการรับประทานอาหารที่ไม่มีกากใย คนที่ไม่รับประทานผัก ผลไม้ จะทำให้ท้องผูกบ่อยและเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งลำไส้
- มีเนื้องอกในลำไส้หรือระบบทางเดินอาหาร
- พันธุกรรม บุคคลที่คนในครอบครัวเคยมีประวัติเป็นมะเร็งลำไส้ จะมีโอกาสที่จะเป็นมะเร็งลำไส้มากขึ้น
- รับประทานอาหารที่ไม่มีไขมันสูง เพราะจะทำให้การขับถ่ายยากขึ้น
- รับสารพิษเข้าสู่ร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นการทำงานใกล้สารเคมีบางทีมือเราอาจจะเปื้อนและไปทานอาหารก็จะทำให้สารเคมีเขาสู่ร่างกายได้
- รับประทานอาหารรสจัด การรับประทานอาหารเผ็ดจัดจะทำให้ลำไส้ทำงานหนักเพราะจะเกิดการร้อนในระบบทางเดินอาหาร อาการนี้ผมเป็นบ่อย
- รับประทานอาหารดิบ เพราะในอาหารดิบจะมีเชื้อโรคอยู่มากมายเมื่อเข้าไปในลำไส้แล้วก็จะทำให้เกิดการติดเชื้อ่และนำไปสู่การเป็นโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่
สาเหตุของการเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่ส่วนมากจะเกิดจากพฤติกรรมการรับประทานอาหาร ดังนั้นคำที่ว่า "กินอย่างไรได้อย่างนั้น" หรือ "You are what you eat" ยังใช้ได้เสมอ

อาการเหล่านี้คือโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่
- อุดจจาระแข็งหรือเหลวเป็นสลับกัน
- มีเลือดออกปนมากับอุจจาระ (ใครจะกล้าดูอะ)
- มีเลือดออกบริเวณช่องทวารหนัก (อันนี้เคยเป็นตอนกินเหล้าติดต่อกันหลายๆวัน)
- มีการปวดอุจจาระบ่อย
- มีอาการท้องผูกไม่ค่อยถ่าย
- มีอาการท้องร่วงด้วย
- ปวดท้อง
ปวดท้องขวา ล่าง

- มีก้อนแข็งในช่องท้องบริเวณด้านขวาตอนล่าง ลองใช้มือคลำดูนะครับ
- นำหนักลดลง
- ร่างกายอ่อนเพลีย ทำงานหนักไม่ได้
- ไม่ค่อยฝายลม (ตด)
เนื่องจากระบบทางเดินอาหารมีระยะไกล อาการของมะเร็งลำไส้จะขึ้นอยู่กับตำแหน่งที่เกิดเซลล์มะเร็งด้วย ดังนี้
- หากเกิดมะเร็งที่ช่วงต้นของลำไส้จะทำให้ให้อุจจาระเหลว และทำให้เหนื่อย อ่อนเพลีย
- มะเร็งลำไส้ที่อยู่บริเวณกลางลำไส้ขวางกับท้อง จะทำให้ท้องอืด และปวดท้อง
- หากเกิดมะเร็งลำไส้ในส่วนปลาย จะทำให้ปวดท้องและปวดถ่ายอุจจาระบ่อย อุจารระมีขนาดเล็ก
** หากอุจจาระเปลี่ยนสีอาจจะเป็นเพราะมีเลือดออกในช่วงกลางของลำไส้ กว่าจะขับถ่ายออกมากก็เป็นระยะเวลานาน ทำให้เลือดที่ออกมาเป็นสีดำเพราะเป็นเลือดเก่าจึงควรสังเกตุสีของอุจจาระด้วย

วิธีตรวจหามะเร็งลำไส้ใหญ่

เมื่อไปพบแพทย์เพื่อทำการตรวจหามะเร็งลำไส้ใหญ่จะมีการสอบประวัติครอบครัวและตรวจหามะเร็งลำไส้ดังนี้
- ตรวจทางทวารหนัก โดยคุณหมอจะสวมถุงมือและทาครีมหล่อลื่นแล้วสวนเข้าไปทางทวารหนักเพื่อตรวจดูว่ามืก้อนเนื้อ หรือมีเลือดออกปนมาหรือไม่
- ตรวจหาเลือดในอุจจาระ วิธีนี้จะให้ผู้ป่วยงดอาหารจำพวกเนื้อสัตว์และหลังจากนั้น 3 วันให้นำอุจาระมาตรวจผลว่ามีเลือดออกในทางเดินอาหารหรือไม่
- ตรวจโดยการส่องกล้อง (sigmoidoscope) วิธีนี้ตรวจหามะเร็งลำไส้ใหญ่แบบนี้จะแยกออกเป็น 2 แบบคือ แบบตรวจดูแค่ลำไส้ใหญ่ส่วนต้น และแบบตรวจดูลำไส้ใหญ่ทั้งหมด หรือที่เรียกว่า "colonoscopy"
- การสวนสี barium enema คือการให้สารเข้าไปในลำไส้ใหญ่แล้ว x-ray มันจะเรือนแสงทำให้เห็นความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งได้
- การตัดชิ้นเนื้อไปตรวจ วิธีนี้ทำได้ในระหว่างส่องกล้องเพราะในตัวส่งกล้องจะมีมีดเล็กๆไว้ตัดชิ้เนื้อด้วย

การรักษามะเร็งลำไส้ใหญ่
วิธีรักษามะเร็งลำไส้ใหญ่ก็จะเหมือนการรักษามะเร็งชนิดอื่นๆโดยทั่วไปทั้งนี้ขึ้นอยู่กับระยะอาการของมะเร็งลำไส้ ขนาด ตำแหน่งของก้อนมะเร็ง สภาพร่างการของผู้ป่วย แต่โดยส่วนใหญ่แล้วการรักษามะเร็งลำไส้มี 3 วิธีหลักดังนี้
- การรักษาด้วยการผ่าตัดชิ้นเนื้อมะเร็งออก
- การใช้ยาไปทำลายเซลล์มะเร็ง หรือ คีโม
- การฉายรังสี
ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับปัจจัยที่กล่าวไว้ด้านบนรวมถึงการกระจายของเซลล์มะเร็งในร่างกาย บางทีอาจใช้มากกว่า 1 วิธีในการรักษาผู้ป่วย 1 คน โดยปกติแล้วแพทย์จะแบ่งระยะอาการของเซลล์มะเร็งออกเป็นดังนี้

ระยะ 0 โรคมะเร็งในระยะเริ่มต้น เซลล์มะเร็งจะอยู่เฉพาะผิวของลำไส้
ระยะ 1 มะเร็งอยู่เฉพาะผนังลำไส้ แต่ยังไม่แพร่ออกมานอกลำไส้
ระยะ 2 มะเร็งแพร่ออกนอกลำไส้ แต่ยังไปไม่ถึงต่อมน้ำเหลือง
ระยะ 3 มะเร็งแพร่ไปต่อมน้ำเหลืองใกล้เคียง แต่ยังไม่แพร่ไปยังอวัยวะอื่นๆ
ระยะ 4 มะเร็งแพร่ไปอวัยวะอื่นโดยส่วนมากไปยังตับและปอด

มะเร็งในระยะ 3 และ 4 โดยส่วนมากจะรักษาให้หายยากมากเพราะเป็นระยะลุกลาม เมื่อผ่าตัดออกก็จะกลับมาเป็นใหม่ โอกาสเป็นมะเร็งซ้ำซ้อนมีมาก

การป้องกันความเสี่ยงในการเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่
ไม่มีวิธีป้องกันความเสี่ยงในการเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่ได้ 100% แต่จะช่วยให้โอกาสเป็นมะเร็งน้อยลงได้มาก การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ทานให้ครบ 5 หมู่ โดยเฉพาะอาหารจำพวกผักและผลไม้ที่มีกากใหญ่สูงจะช่วยระบบขับถ่ายได้ดี เป็นการล้างลำไส้ให้สะอาดไปด้วย
การออกกำลังกายเป็นอีกวิธีที่จะช่วยกระตุ้นให้ร่างกายเกิดการเผาผลาญและย่อยอาหารที่ค้างระบบทางเดินอาหาร อีกทั้งยังทำให้ร่างกายแข็งแรงปกป้องจากมะเร็งชนิดต่างๆได้อีกด้วย
การตรวจสุขภาพประจำปีจะช่วยให้เรารู้ทันมะเร็งลำไส้ก่อนที่จะเข้าสู่ระยะลุกลามคือ ระยะ 3 และ 4 จะช่วยให้การรักษาได้ผลได้ดีขึ้น

คลิปรู้จักมะเร็งลำไส้ใหญ่