วันเสาร์ที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2557

โรคเอดส์ ป้องกันและวิธีต่อรักษาอย่างละเอียด

ในปัจจุบันโรคเอดส์เป็นภัยร้ายแรงทั้งต่อสังคมและเศรษฐกิจของประเทศไทย เพราะต้องนำเงินงบประมาณเพื่อมารักษาผู้ป่วยโรคเอดส์ด้วยราคายาที่แพงและต้องจ้างบุคลากรทางการแพทย์ด้วย เราควรจะศึกษาความรู้เกี่ยวกับการป้องกัน การติดเชื้อ และการรักษาโรคเอดส์เพื่อป้องกันตัวเองจากโรคนี้และหากมีเพื่อนเป็นผู้ป่วยเอดส์เราก็สามารถแนะนำและช่วยให้กำลังใจผู้ป่วยเอดส์ได้ herb-health.com จะพาไปทำความรู้จักโรคร้ายชนิดนี้เพื่อป้องกันไม่ให้สาวๆ หนุ่ม ที่รักสนุกกับชีวิตติดเชื้อโรคเอดส์

โรคเอดส์

โรคเอดส์คืออะไร

โรคเอดส์ มีชื่อเรียกที่หลายคนรู้จักอื่นๆเช่น โรค Hiv, โรคภูมิคุมกันบกพร่อง เกิดจากการไดรับเชื้อ HIV (Human Immunodeficiency Virus) ซึ่งไว้รัสตัวนี้จะไปทำลายระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายของมนุษย์หรือเม็ดเลือดขาว ทำให้ร่างกายขาดภูมิต้านทานเชื้อโรคจึงทำให้ร่างกายของโรคเป็นโรคอื่นๆได้ง่าย เช่น โรคซิฟิลิส โรคอหิวาตกโรค วัณโรคและโรคอื่นๆที่เกิดจากเชื้อไวรัสและเชื้อแบคทีเรีย ในปัจจุบันโรคเอดส์ยังไม่สามารถรักษาให้หายขาดจากร่างกายได้แต่สามารถควบคุมเชื้อไม่ให้กระจายไปทั่วร่างกายและใช้ชีวิตอย่างปกติได้

อาการโรคเอดส์

เราสามารถแบ่งอาการของโรคเอดส์ออกเป็น 2 ช่วงคือ ระยะติดเชื้อ และ ระยะป่วยโรคเอดส์
ระยะติดเชื้อเอดส์ คือ การได้รับเชื้อ HIV เข้ามาในร่างกายแต่ยังไม่แสดงอาการของโรคเนื่องจากเชื้อเอชไอวีจะค่อยๆทำลายเซล์เม็ดเลือดขาว และเพิ่มจำนวนมากๆขึ้นเรื่อยๆในร่างกาย ซึ่งในระยะนี้จะยังไม่มีอาการป่วยสุขภาพจะยังเป็นปกติซึ่งผู้ติดเชื้อเอสด์บางรายที่ดูแลสุขภาพตัวเองได้ดีก็จะสามารถใช้ชีวิตเป็นปกติได้ไปตลอด
อาการโรคเอดส์ระยะป่วยเอดส์
ระยะป่วยเอดส์ เป็นระยะที่เชื้อ HIV เพิ่มจำนวนในไปทั่วทั่งร่างกายและทำลายเซลล์เม็ดเลือดขาวทำให้ระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอหรือภูมคุ้มกันบกพร่องละ ทำให้ผู้ป่วยเอดส์สามารถป่วยเป็นโรคแทรกซ้อนได้ง่ายยิ่งขึ้นไม่ว่าจะเป็น ท้องร่วง, วัณโรค, ติดเชื้อในระบบต่างๆไม่ว่าจะเป็นทางเดินอาหาร ทางเดินหายใจ ซึ่งการเข้าสู่ระยป่วยเอดส์นั้นขึ้นอยู่กับการดูแลรักษาสุขภาพของแต่ละคนด้วย

อาการของโรคเอดส์แบ่งเป็น 3 ระยะดังนี้

ระยะที่ 1 ยังไม่ปรากฎอาการ จะมีสุขภาพแข็งแรงเหมือนคนปกติทั่วไปแต่อาจจะมีป่วยเล็กๆน้อยๆ เช่น ไข้หวัด, ผื่นคัน แต่จะหายเป็นปกติซึ่งระยะนี้อาจจะใช้เวลานานเฉลี่ยน 7-8 ปีก่อนจะเข้าสูระยะป่วยโรคเอดส์ แต่บางรายก็สามารถรักษาสุขภาพให้แข็งแรงต่อต้านกับเชื้อ HIV ได้โดยไม่แสดงอาการป่วย

อาการโรคเอดส์จะมีฝ้าขึ้นในช่องปาก
ระยะที่ 2 จะเริ่มมีอาการน้ำหนักตัวลดลงอย่างต่อเนื่องและมีอาการต่อมน้ำเหลืองโตหลายแห่งเรื้อรังเป็นเวลานานกว่า 3 เดือน นอกจากนี้ยังมีอาการอุจาระร่วงเรื้องรังโดยไม่ทราบสาเหตุ มีฝ้าในช่องปาก บางรายอาจะเริ่มเป็นโรคเริม ระยะนี้เป็นระยะเริ่มป่วยเอดส์


อาการของโรคเอดส์ระยะป่วยเอดส์เต็มขั้น
ระยะที่ 3 ระยะป่วยเอดส์เต็มขั้น (Full Blown AIDS) ในระยะยนี้ภูมิต้านทานของร่างกายจะถูกทำลายลงเป็นอย่างมาก ทำให้เชื้อโรคชนิดอื่นเข้าสู่ร่างกายของเราซึ่งบรรดาโรคร้ายทั้งรายจะเริ่มแสดงอาการในระยะที่ 3 นี้ เช่น ปวดบวมจากการติดเชื้อ, ไอ หอบ เจ็บหน้าอกจากเชื้อราในระบบทางเดินอาหาร มีอาการเจ็บคอเบื่ออาหารและปวดหัวเป็นไข้ระยะนี้ส่วนใหญ๋จะอยู่ได้เพียง 1-2 ปีเท่านั้น
ในบางตำราอาจจะแบ่งระยะป่วยโรคเอดส์ออกเป็น 4 ระยะ

สาเหตุการติดเชื้อ HIV

ร่างกายของมนุษย์สามารถรับเชื้อเอชไอวีได้ผ่านทางการสัมผัสเลือดหรือสารคัดหลั่งในร่างกายได้แก่ เลือดของผู้ป่วยเอดส์, น้ำอสุจิ, น้ำเมือกในช่องคลอดเพศหญิง, น้ำนม, น้ำลาย, น้ำตา หรือปัสสาวะ ซึ่งจำนวนเชื้อhivที่พบในเลือดจะมีปริมาณมากที่สุด โดยมีหลายวิธีในการได้รับเชื้อคือ
-เพศสัมพันธ์ โรคเอสด์สามารถติดเชื้อได้ผ่านทางการมีเพศสัมพันธ์ทางช่องคลอดและทางทวารหนักได้ โดยกลุ่มเสียมากที่สุดที่ติดเชื้อเอดส์คือชายรักชาย
-สัมผัสกับเลือดโดยตรง หากเรามีบาดแผลที่มือและไปสัมผัสเลือดของผู้ป่วยเอดส์ก็จะสามารทำให้ติดเชื้อ Hiv ได้เช่นกัน นอกจากนั้นยังมีช่องทางอื่นๆ เช่น การรับเลือดบริจาคที่มีเชื้อเอดส์ การรับอวัยวะบริจาคของผู้มีเชื้อเอชไอวี อสุจิเพื่อการผสมเทียม แต่ปัญหาเหล่านี้ในปัจจุบันมีวิธีตรวจหาเลือดที่ติดเชื้อได้อย่างถูกต้องแล้ว
ใช้เข็มฉีดยาร่วมกันผู้อื่นทำให้ติดเชื้อ hiv
-การใช้เข็มฉีดยา ซึ่งมักจะเกิดกับผู้ที่ใช้ยาเสพติดย์ร่วมกัน
-รับเชื้อจากมารดา โอกาสที่บุตรจะติดเชื้อจากมารดาที่ผู้ป่วยเอดส์มีได้หลายระยะไม่ว่าจะเป็นติดเชื้อจากสายสะดือสู่ทารก ติดเชื้อระหว่างคลอด ติดเชื้อจากน้ำนมระหว่างเลี้ยงดู ซึ่งขึ้นอยู่กับว่าคุณแม่จะได้รับเชื้อเอดส์ในช่วงไหน
เมื่อทราบช่องทางการติดเชื้อเอดส์แล้วก็อย่างลืมป้องกันไว้ด้วย

การป้องกันโรคเอดส์มีวิธีใดบ้าง

ใช้ถุงยางอนามัยเป็นการป้องกันโรคเอดส์ทีดี
-ใช้ถงยางอนามัยในระหว่างมีเพศสัมพันธ์ทุกช่องทางไม่วาจะเป็นทางช่องคลอด ทางทวารหนัก หรือทางปาก
-ห้ามใช้เข็มฉีดยาร่วมกันผู้อื่น
-หลีกเลี่ยงการสักลายเพราะในบางร้านที่ไม่ได้มาตรฐานอาจจะใช้เข็มสักอันเดิมซึ่งมีโอากาสเสี่ยงติดโรคได้
-งดกิจกรรมที่เสี่ยงติดเอดส์ ไม่ว่าจะเป็นการหลับนอนการสัมผัสโดยตรง
-หากสัมผัสโดยตรงต้องใส่ถุงมือทางการแพทย์เพื่อป้องกันสารคัดหลั่งจากผู้ป่วย
**การติดเชื้อเอดส์ไม่ติดง่ายขนาดที่จับแล้วเป็นได้เลยเพียงแต่มีเปอร์เซนต์ที่น้อยมากๆ  ผู้ป่วยบางคนที่ได้รับเชื้อ hiv ก็ไม่ติเชื้อ hiv ได้เนื่องจากร่างกายมีภูมิคุ้มกันดีหรือรับเชื้อในปริมาณที่น้อยหรือไม่มีปัจจับที่ทำให้เชื้อ hiv ติดเข้าเซลล์ของร่างกายได้เช่นกัน

ยาต้านเชื้อเอดส์คืออะไร

คือยาที่ช่วยในการต้านเชื้อ hiv หลังจากได้รับเชื้อภายใน 72 ชั่วโมงซึ่งจากการลดลองมีผลว่าสามารถป้องกันการได้รับเชื้อผ่านทางสารคัดหลั่งได้ ไม่ว่าจะเป็นการมีเพศสัมพันธ์กับผู้ติดเชื้อหรือเด็กแรกเกิดที่ได้รับเชื้อจากแม่ซึ่งบางรายสามารถป้องกันการติดเชื้อได้ เพราะฉะนั้นคนที่สงสัยว่าตัวเองจะได้เชื้อ hiv ควรเข้าพบแพทย์ที่โรงพยาบาลเพื่อขอยาต้านเชื้อภายใน 72 ชั่วโมงจะมีผลในการต่อต้านเชื้อ hiv ดีที่สุด ซึ่งถึงแม้ว่าในบางรายไม่สามารถทำให้หยุดการติดเชื้อ hiv ได้แต่ก็เป็นยาที่ช่วยให้เชื้อหยุดการแพร่กระจายไปทั่วร่างกายได้บ้าง

การรักษาโรคเอดส์

ในปัจจุบันยังไม่มีวิธีรักษาโรคเอดส์ให้หายขาดและไม่สามารถทำลายเชื้อเอชไอวีให้หมดไปจากร่างกายได้ วิธีรักษาโรคเอดส์ในปัจจุบันจะเป็นเพียงการควบคุมเชื้อและการรักษาไปตามอาการเท่านั้น เช่น ถ้ามีอาการไข้ขึ้นสูงก็ให้ยาลดไข้ หากมีท้องร่วงก็ให้น้ำเกลือหรือยาอื่นๆ เป็นการรักษาเพื่อพยุงอาการเท่านั้น แต่หากผู้ติดเชื้อทราบว่าตัวเองติดเชื้อตั้งแต่เนิ่นๆก็สามารถรับยาเพื่อป้องกันการกระจายของเชื้อเอชไอวีและทำให้ร่างกายแข็งแรงโดยการออกกำลังกายจะเป็นการเพิ่มภูมิคุ้มกันของร่ายกายเพื่อต่อสูวงกับโรคเอดส์ได้

ยารักษาเอดส์

ปัจจุบันมียารักษาโรคเอดส์ที่ช่วยในการลดจำนวนเชื้อ hiv และช่วยทำให้เซลล์เม็ดเลือดขาวเพิ่มจำนวนขึ้นได้ โดยมีรายชื่อยางดังนี้
Stavudine ยารักษาเอดส์ช่วยในการต้านเชื้อ hiv
ยาต่อต้านเชื้อ hiv
Stavudine (d4T)
Didanosine (ddI)
Lamivudine (3TC)
Abacavir (ABC)
Tenofovir (TDF)
Nevirapine (NVP)
Efavirenz (EFV)


ชมคลิปให้ความรู้เรื่องโรคเอดส์