วันอังคารที่ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2559

โรคหนองใน ในบางรายอาจจะไม่มีอาการควรศึกษาข้อมูลที่นี่


ในปัจจุบันอัตราการมีเพศสัมพันธ์ในวัยเด็กอายุเฉลี่ยต่ำลงทุกวันรวมถึงมีข่าวการมีเพศสัมพันธ์แบบสลับคู่ก็มีให้เห็นตามข่าวมากขึ้น เราจึงจำเป็นต้องศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ให้มากขึ้นเพราะอาจจะได้เจอกับตัวเองหรือเมื่อบุคคลรอบข้างที่มีอาการเหล่านี้จะได้แนะนำให้รักษาตัวได้ถูก herb-health.com จะพาไปทำความรู้จักกับโรคหนองในอีกหนึ่งโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่มีความเสี่ยงที่จะเกิดมากขึ้น

โรคหนองใน คืออะไร

gonorrhea

โรคหนองในคือโรคติดต่อทางเพศสัมพันธุ์ส่วนใหญ่จะเกิดในวัยรุ่นที่นิยมมีเพศสัมพันธุ์โดยไม่ป้องกัน โรคหนองในยังสามารถเกิดกับเด็กทารกได้ด้วยการติดต่อจากแม่ไปสู่ลูกระหว่างที่ตั้งครรภ์จนคลอดบุตร โดยปกติแล้วโรคหนองในจะเกิดจากเชื้อไวรัสหลายชนิดซึ่งปัจจุบันแบ่งโรคหนองในออกเป็น 2 ชนิดดังนี้

1.โรคหนองในแท้ Gonococcal Urethritis
2.โรคหนองในเทียม Non gonococcal urethritis
ซึ่งทั้ง 2 มีอาการและสาเหตุการที่ติดต่อที่คล้ายกันในผู้ป่วยบางรายอาจจะไม่มีอาการก่อนอื่นเราไปทำความรู้จักโรคหนองในแท้กันก่อน


สาเหตุโรคหนองในแท้ หรือ โรคหนองใน

แบคทีเรีย Gonorrhoea
เกิดจากเชื้อแบคทีเรียที่ชื่อว่า Neisseria gonorrhoeae ผู้ที่ได้รับเชื้อนี้จะเป็นโรคหนองในแท้ส่วนมากติดต่อผ่านทางช่องคลอดหรือทางทวารหนักได้ มักติดต่อทางเพศสัมพันธ์เป็นหลักแต่หากมีการสัมพันธ์กับเชื้อก็สามารถติดต่อได้เช่นกัน ทารกแรกเกิดจะติดโรคหนองแท้ผ่านทางช่องคลอดซึ่งอาการของทางรถจะเกิดการติดเชื้อที่ตา ในผู้หญิงนั้นสามารถพบเชื้อบริเวณปากมดลูก ท่อปัสสาวะ และทวารหนัก เชื้อที่ทวารหนักสามารถแพร่ไปได้เองโดยที่ไม่ต้องรวมเพศทางช่องคลอดและทวารหนัก


อาการของโรคหนองในแท้

อาการของโรคหนองใน
ผู้ชายร้อยละ 10 และผู้หญิงร้อยละ 50 จะไม่แสดงอาการของโรคหนองในแท้แต่หากแสดงอาการจะเริ่มตั้งแต่ 1-14 วันได้ได้รับเชื่อซึ่งอาการในผู้หญิงจะมีตกขาวมากผิดปกติมีปริมาณมากขึ้นมีสีเหลืองหรือสีเขียว แสบเวลาปวดสาวะ ปวดท้องน้อย สำหรับอาการของโรคหนองในผู้ชายจะมีอาการหนองไหลออกจาอวัยวะเพศ หากมีอาการติดเชื้อที่คอจะมีอาการเจ็บคอและไข้หรือถ้าติดเชื้อที่ตาจะมีอาการหนองรอบดวงตาและเคืองตา


โรคหนองในเทียม
เกิดจากเชื้อแบคทีเรียที่ไม่ใช่สายพัน Gonococal Urethritis มีหลายประเภทดังนี้

-Chlamydia trachomatis
-Ureaplasma urealyticum 10-40%
-Trichomonas vaginalis (rare)
-Herpes simplex virus (rare)
-Adenovirus
-Haemophilus vaginalis
-Mycoplasm genitalium

ก็หมายความว่าหากเราติดเชื้อที่ไม่ใช่ Gonococal Urethritis นั่นก็หมายความว่าเราเป็นโรคหนองในเทียม


อาการของผู้เป็นโรคหนองในเทียม

หลังจากได้รับเชื้อประมาณ 1-3 สัปาดาห์ สำหรับเพศชายจะมีอาการน้ำหนองไหลออกจากอวัยวะเพศ ปวดแสบร้อนขณะปัสาวะ มีอกาารันหรือปวดบริเวณอวัยะเพศ สำหรับเพศหญิงจะมีอาการตกขาวมาก ปัสสาวะขัด หากไม่รักษาจะรามไปยังท่อรังไข่ทำให้เกิดช่องเชิงกรานอักเสบ


ตรวจหาเชื้อโรคหนองในได้อย่างไร

หากผู้ไม่มแสดงอาการเราสามารถตรวจหาเชื้อหนองในได้ด้วยการตรวจปัสสาวะ PCR นำหนองมาย้อยหาเชื้อซึ่งการตรวจกับแพทย์เรายังสามารถตรวจหาเชื้อย่างอื่นได้ด้วย นั้นก็หมายความว่าหากเราตรวจสารคัดหลั่งจากช่องคลอดไม่ว่าจะเป็นหนอง ตกขาว ฯลฯ เราก็สามารถตรวจหาเชื้อหนองในได้


โรคหนองในผู้ชาย


โรคหนองในผู้ชาย
โดยส่วนมากผู้ชายจะมีอาการของโรคหนองในแท้และหนองในเทียม คือ มีหนองไหลออกบริเวณปลายวัยวะเพศ มีอาการปวดแสบปวดร้อนขณะปัสสาวะและรวมถึงอาการปวดลูกอัณฑะด้วย แต่ในบางรายก็ไม่มีอกาารเหล่านี้แต่ยังมีเชื้อที่หลบอยู่และสามารถแพร่กระจายเมื่อมีเพศสัมพันธ์กับคนอื่นได้


โรคหนองในผู้หญิง


โรคหนองในผู้หญิง
หากมีอาการส่วนมากแล้วผู้หญิงจะมีตกขาวที่มีกลิ่นเหม็น ใครที่ตกขาวปริมาณมากและมีกลิ่นมากกว่าปกติให้ไปตรวจหาเชื้อที่โรงพยาบาลซึ่งจะมีอาการเพิ่มเติมหลักๆดังนี้

-ปัสสาวะแสบขัด
-มีอกาารอักเสบที่ท่อปัสสาวะ ปากมดลูกรวมถึงช่องทวารหนัก
-หากเชื้อโรครุกลามเข้าโพรงมดลูกหรือปีกมดลูกอาจจะทำให้อุ้มเชิงกรานอักเสบเป็นสามเหตุให้ตั้งครรภ์นอกมดลูกได้
-ผู้หญิงที่เป็นหนองในระหว่างตั้งครรถ์จะมีความเสี่ยงสูงมากที่จะถ่ายทอดเชื้อไปยังบุตร ผู้หญิงที่มีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคหนองในควรตรวจหาเชื้อรเมื่อมาฝากครรภ์และตรวจอีกครั้งเมื่อายุครรภ์ครบ 28 สัปดาห์
-ผู้หญิงจะมีอาการช้ากว่าผู้ชายประมาณ 13 สัปดาห์


โรคหนองในเด็ก


โรคหนองในเด็กทารกติดเชื้อจากแม่
หนองในเด็กมักเกิดกับเด็กทารกที่คลอดจากแม่ที่มีเชื้อโรคหนองใน ซึ่งเมื่อคลอดบุตรออกมาเด็กทารกจะติดเชื้อบริเวณเยื้อบุตาทำให้เกิดการอักเสบบริเวณดวงตา และหากไม่ได้รับการรักษาก็จะทำให้เด็กตาบอดได้เลย


โรคหนองในปาก
โรคหนองในทางปาก
ในผู้ป่วยบางรายที่มีการใช้ปากสัมผัสกับเชื้อไม่ว่าจะเป็นระหว่างมีเพศสัมพันธ์หรือกิจกรรมอย่างอื่น เมื่อเชื้อติดเข้าสู่ช่องปากก็จะทำให้เกิดอาการอักเสบบริเวณลิ้นหรือทั่วทั้งช่องปาก ซึ่งในบางรายเชื้อจะสามารถหายไปเองได้โดยไม่ต้องทำการรักษา แต่วิธีที่ดีที่สุดก็ควรพบแพยท์เพื่อรักษาไม่ให้เชื้อกระจายไปยังบุคคลอื่น


วิธีรักษาโรคหนองใน

วิธีรักษาโรคหนองใน
เราสามารถรักษาโรคหนองในให้หายด้วยาปฏิชีวะซึ่งพบว่าผู้ป่วยสามารถบรรเทาอาการให้ดีขึ้นหากได้รับยารักษาเมื่อติดเชื้อในขั้นแรก หากผู้ป่วยท่านใดไม่มีเวลาในการตรวจพิสูจน์หาเชื้อก็ควรรับยาเพื่อรักษาได้เลยเพราะหากเกิดภาวะแทรกซ้อนหรือติดเชื้อเพิ่มเติม เช่น อุ้งเชิงกรานอักเสบหรือปวดท้องน้อยอาจจะต้องรักษาในโรงพยบาบาลอย่างใกล้ชิด

การรักษาโรคหนองในด้วยาปฏิชีวะจะมีผลต่อประสิทธิภาพของยาคุมกำเนิดซึ่งในระหว่างนี้หากใครไม่ต้องการมีบุตรก็ควรจะป้องกันด้วยวิธีอื่นเพิ่มเติม เช่น การใช้ถุงยางอนามัย แต่ทางที่ดีที่สุดก็ไม่ควรมีเพศสัมพันธ์เลยระหว่างที่อยู่ในการรักษาโรคหนองใน


ยารักษาโรคหนองใน

ยารักษาหนองใน
ในปัจจุบันมียารักษาทั้งโรคหนองในแท้และโรคหนองในเทียมได้หลากหลายชนิด เราไปดูกันว่ายาที่ใชรักษาหนองในปัจจุบันมียาอะไรบ้าง

– ยาในกลุ่ม Cephalosporin เช่น Cefixime รับประทานครั้งเดียว 400 มิลลิกรัม หรือ Ceftriaxone 250 มิลลิกรัมฉีดครั้งเดียว
-ยาในกลุ่ม Quinolone เช่น Ciprofloxacin รับประทานครั้งเดียว 500 มิลลิกรัม หรือ Ofloxacin 400 มิลลิกรัมที่รับประทานครั้งเดียวเช่นกัน
-ผู้ที่เป็นโรคหนองในแท้มักจะเป็นโรคหนองในเทียมด้วยโดยการใช้ยา Doxycycline รับประทานครั้งละ 1 เม็ด เช้า-เย็น เป็นเวลา 7 วัน
การใช้ยามีปัจจัยหลายอย่างทั้งการดื้ยาและสตรีมีครรภ์ควรปรึกษาแพทย์ก่อนใช้ยา


ใช้เวลานานเท่าไหร่ในการรักษาโรคหนองใน

การรักษาโรคหนองในจะใช้เวลาค่อนข้างเร็วเพียง 2-3 สัปดาห์สำหรับผู้ป่วยที่ไม่ใช่เด็กทารก ไม่ว่าจะเป็นอาการตกขาวมากกว่าปกติ ตกขาวมีกลิ่นมาแรง หรือปัสสาวะแสบขัด ส่วนอาการเลือดออกกะปิบกะปรอยระหว่างเป็นประจำเดือนจะหายดีในรอบเดือนหน้า สำหรับผู้ชายอาการปวดลูกอัณฑะจะใช้เวลาประมาณ 2 สัปดาห์กว่าจะดีขึ้น แต่หากอาการยังไม่ดีขึ้นก็ควรจะไปพบแพทย์เพิ่มเติมเพื่อรักษาอย่างละเอียด


โรคหนองในหายเองได้หรือไม่

โรคหนองในหากปล่อยไว้ไม่มีอาการก็ไม่ได้หมายความว่าจะหายไปเองเพียงแต่เชื้ออาจจะหลบไม่แสดงอาการแต่อาจจะแสดงอาการอย่างแทรกซ้อนแทน เช่น มีอาการปวดอัณฑะบ้างเป็นเวลานานๆครั้ง แต่บางคนก็ไม่มีอาการใดเลยซึ่งก็ไม่ได้หมายความว่าหายขาดจากโรคหนองใน จึงควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจหาเชื้อหนองในให้มั่นใจเสียก่อนว่าหายขาดหรือไม่ โรคหนองในสามารถรักษาให้หายขาดได้