อันตรายจากแผลเบาหวาน โรคเบาหวาน
อันตรายจากโรคเบาหวานปลายเท้าขาดความรู้สึก |
อันตรายจากโรคเบาหวานแผลหายช้า |
-ตา มีโอกาสเป็นโรคต้อกระจกก่อนวัยและอาจจะทำให้ตาบอดได้
-อาหารไม่ย่อย ท้องผูกเป็นเวลานาน
-ปัสสาวะบ่อย บางทีอาจจะกลั้นปัสสาวะไม่อยู่เมื่อปัสสาวะออกมาจะมีมดมาตอมโถฉี่
-หลอดเลือดแดงแข็งตัว ซึ่งจะนำไปสู่การเป็นโรคอัมพฤกษ์ อัมพาตได้
-แผลหายช้าและอาจจะทำให้เกิดการติดเชื้อจนถึงขั้นต้องตัดอวัยวะ
-ภูมิคุ้มกันโรคต่ำทำให้เป็นโรคอื่นๆได้ง่าย เช่น วัฒโรค โรคปอด ไตอักเสบ กลาก เชื้อรา ฝี
**โรคเบาหวานเป็นสาเหตุให้นำไปสู่การเป็นโรคอื่นๆได้ง่าย ทำให้ผู้ป่วยที่เป็นโรคเบาหวานมีโอกาสเสียชีวิตได้ถ้าไม่ดูแลรักษาตนเองให้ดี และนี่ก็เป็นส่วนหนึ่งของอันตรายจากโรคเบาหวานเมื่อทราบแล้วเราไปทำความรู้จักโรคเบาหวานกัน
โรคเบาหวานคืออะไร
โรคเบาหวาน ภาษาัอังกฤษเรียกว่า Diabetes เกิดจากความผิดปกติของร่างกายที่ผลิตฮอร์โมนที่ชื่อว่า "อินซูลิน" ไม่เพียงพอ (อินซูลินทำหน้าที่ควบคุุมการเผาผลาญคาร์โบไฮเพื่อเปลี่ยเป็นพลังงานให้กับร่างกาย) ซึ่งเมื่อฮอร์โมนอินซูลินต่ำก็จะทำให้ร่างกายไม่สามารถนำน้ำตาลออกมาเปลี่ยนเป็นพลังงานเพื่อส่งไปยังเซลล์ทีอยู่ตามร่างกายได้อินซูลินต่ำทำให้เกิดโรคเบาหวานได้อย่างไร
เมื่ออินซูลินต่ำอัตราการดึงพลังงานจากน้ำตาลในร่างกายมาใช้ก็ต่ำไปด้วยทำให้ปริมาณน้ำตาลในกระแสเลือดสูงเกินไป ซึ่งอวัยวะที่ทำหน้าที่ในการสร้างฮอร์โมนอินซูลินนั้นก็คือ "ตับอ่อน" ซึ่งคนที่ดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์มากๆคิดว่าตัวเองไม่กินน้ำตาลหรืออาหารหวานเลยก็มีโอกาสที่จะเป็นโรคเบาหวานได้เช่นกัน เนื่องจากเกิดภาวะตับอ่อนอักเสบไม่สามารถผลิตฮอร์โมนอินซูลินเพื่อควบคุมปริมาณน้ำตาลในเลือดได้
ซึ่งเมื่อน้ำตาลในกระแสเลือดสูงก็จะทำให้หัวใจทำงานหนักคล้ายกับว่าเลือดที่มีปริมาณน้ำตาลมากจะมีความนืดสูง (เหมือน้ำเชื่อม) หัวใจต้องปั้มเลือดแรงขึ้นเพื่อส่งให้เลือดไปเลี้ยงส่วนต่างของร่างกายได้ทุกส่วน และน้ำตาลในเลือดยังจะไปสะสมตามอวัยวะต่างๆ เช่น ที่ดวงตาทำให้ตาบอดหรือต้อกระจกได้ง่าย
ประเภทและชนิดของโรคเบาหวาน
ในปัจจุบันโรคเบาหวานแบ่งออกเป็น 2 ชนิดดังนี้โรคเบาหวานชนิดที่ 1 เบาหวานที่เกิดจากการทำงานของตับอ่อนผิดปกติ ซึ่งตับอ่อนจะไม่สามารถสร้างอินซูลินหรือสร้างอินซูลินได้น้อยมาก ทำให้ไม่สามารถดึงน้ำตาลจากในเลือดออกมาใช้งานได้ตามปกติ ซึ่งผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 1 นี้ต้องรักษาด้วยการฉีดฮอร์โมนอินซูลินเพิ่มเพื่อให้สามารถดึงน้ำตาลในเลือกไปใช้ได้ ในกรณีที่เป็นรุงแรงจะมีการคั่งของสารคีโตน Ketones ซึ่งเป็นพิษต่อระบบประสาททำให้ถึงขั้นเสียชีวิตได้
โรคเบาหวานชนิดที่ 2 เบาหวานที่เกิดจากพันธุกรรม ภาวะน้ำหนักตัวมาก ขาดการออกกำลังกายและอายุที่เพิ่มขึ้นรวมถึงการใช้ยาสเตอรอยด์และยาคุมกำเนินด ซึ่งเป็นโรคเบาหวานที่พบมากที่สุดโดยเกิดจากอินซูลินทำงานได้ไม่เต็มที่ ผิดกับโรคเบาหวานชนิดที่ 1 ที่อินซูลินทำงานได้ปกติแต่ผลิตออกมาได้น้อยหรือไม่สามารถผลิตออกมาได้เลย
อาการโรคเบาหวาน
อาการโรคเบาหวาน น้ำหนักลดก็เป็นเบาหวานได้ |
- ปัสสาวะบ่อยๆ ผู้ที่เป็นโรคเบาหวานจะปัสสาวะบ่อยครั้งและจำนวนมากเป็นเพราะว่าน้ำตาลที่ออกมาทางไตจะดึงเอาน้ำออกมาด้วย ทำให้เกิดการปัสสาวะบ่อยและเมื่อปัสสาวะแล้วจะรู้สึกกระหายน้ำ และที่โถฉี่อาจจะมีมดตอมด้วย
- ร่างกายผอมไม่มีไขมัน ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะว่าร่างกายไม่สามารถนำน้ำตาลมาเป็นพลังงานได้จึงต้องดึงจากการเผาผลาญกล้ามเนื้อและไขมันแทน ทำให้กรดในเลือดสูงและมีการหายใจผิดปกติ กล้ามเนื้อลีบ ร่างการอ่อนเพลียใครที่คิดว่าผอมแล้วจะไม่เป็นโรคเบาหวานคิดผิดนะ
- ความดันโลหิตสูง ปลายมือหรือปลายเท้าเย็นหรือชา ตะคริว ซึ่งเกิดจากหัวใจต้องทำงานหนักในการส่งเลือดที่มีน้ำตาลสูง (เลือดนีด) ไปเลี้ยงส่วนต่างๆของร่างกาย
- แผลหายช้ากว่าคนปกติทั่วไป
เป็นโรคเบาหวานแล้วแผลหายยากเพราะอะไร
ผู้ป่วยที่เป็นเบาหวานนานๆมักจะทำให้ร่างกายมีข้อบกพร่องและทำงานได้ไม่เป็นปกติจึงทำให้แผลหายได้ยากโดยมีปัจจับดังนี้
ปลายประสาทเสื่อม
- ประสาทรับความรู้สึกเสื่อม ทำให้ปลายมือปลายเท้าชาไม่รู้สึกเจ็บปวดหากมีแผลที่มือก็จะใช้มือแบบปกติทำให้แผลโดนเสียดสีไม่หายเป็นสักที
- ประสาทควบคุมกล้ามเนื้อเสื่อม ซึ่งทำให้กล้ามเนื้อที่เท้าลีบลงการรับน้ำหนักไม่สมดุลและเกิดโรคตาปลาได้ง่าย
- ประสาทอัตโนมัติเสื่อม หมายถึงระบบประสาทควบคุมเกี่ยวกับการหลั่งเหลื่อ การหดและการขยายตัวของหลอดเลือดทำให้เวลาเป็นแผลเลือดหยุดไหลช้า เกิดการบวมของเท้าได้ง่ายขึ้น
ความผิดปกติของหลอดเลือด
เนื่องจากเลือดมีความนืดสูงทำให้เกิดการอุดตันของเส้นเลือดหรือทำให้เส้นเลือดตีบ ซึ่งอาจจะทำให้เลือดไปเลี้ยงส่วนปลายเท้าได้ไม่เพียงพอทำให้เซลล์ที่ปลายเท้าตาย เมื่อเลือดไปเลี้ยงอวัยวะไม่ได้การสมานแผลก็จะช้าหรือทำได้ยาก ซึ่งความผิดปกติของหลอดเลือดยังทำให้เกิดความดันโลหิตสูงและอาจจะทำให้เส้นเลือดในสมองแตกเป็นอัมพฤกษ์และอัมพาตได้
การติดเชื้อแทรกซ้อน
เนื่อจากแผลที่หายช้าอาจจะทำให้ติดเชื้อและลามไปยังบริเวณใกล้เคียงซึ่งทำให้ิาจจะต้องตัดแขนหรือขาทิ้งเลยก็ได้
กลุ่มเสี่ยงผู้มีแน้วโน้มที่จะป่วยเป็นโรคเบาหวาน ผู้ที่มีโอกาสเป็นโรคเบาหวานมีข้อสังเกตุดังนี้
- อายุ 40 ปีขึ้นไป
- คนที่อยู่ในเมืองเป็นโรคเบาหวานมากกว่าคนชนบท (อาจเป็นเพราะอาหารการกินมีแต่ไขมันและหวาน)
- ผู้ที่ขาดการออกกำลังกาย
- ผู้หญิงที่คลอดลูกและบุตรมีน้ำหนักแรกคลอดมากกว่า 4 กิโลกรัม
- คนที่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอลมากๆ (ทำให้ตับอ่อนอักเสบผลิตอีซูลินได้น้อย)
- คนที่มีอาการแผลหายยาก
- คนที่ความดันโลหิตสูงหนื่อยง่าย แน่หน้าออก
** เบาหวานชนิดที่ 1 ส่วนมากพบในคนรูปร่างผอม ไม่มีไขมัน กล้ามเนื้อน้อย ส่วนเบาหวานชนิดที่ 2 ได้ในคนที่มีรูปร่างอ้วน-ผอมเช่นกัน แต่ส่วนมากปัสสาวะจะมีน้ำตาลมาก
การรักษาโรคเบาหวาน
เน้นการรักษาโดยการควบคุมปริมาณน้ำตาลในเลือดให้ต่ำซึ่งเป็นวิธีที่ง่ายแต่คนส่วนใหญ่หักห้ามใจตัวเองไม่ได้เพราะการรักษาโรคเบาหวานต้องควบคุมอาหาร และออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ โดยวิธีรักษาโรคเบาหวานมีดังนี้- ควบคุมน้ำตาลในเลือด ซึ่งสำหรับคนที่เป็นเบาหวานชนิดที่ 1 ที่ตับอ่อนไม่สามารถสร้างฮอร์โมนอินซูลินได้ต้องได้รับยาหรือฉีดฮอร์โมนอินซูลินเพิ่ม การควบคุมอาหารรวมถึงการกินอาหารที่ให้น้ำตาลน้อยด้วย ระดับน้ำตาลในเลือดที่เหมาะสมคือ 140 มิลลิกรัม/เดซิลิตร
- ตรวจเช็คระดับน้ำตาลในเลือดอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งเพื่อเป็นการสังเกตุว่าวิธีรักษาโรคเบาหวานได้ผลหรือไม่
- ป้องกันโรคแทรกซ้อน เฝ้าระวังการกดทับของแผลหรืออวัยวะอื่นๆเนื่องจากคนเป็นโรคเบาหวานจะชาตามมือและปลายเท้าควรหมั่งเฝ้าระวังไม่ให้แผลติดเชื้อซึ่งแผลจะหายยากมาก
- ตรวจเช็คระดับความดันโลหิตให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ คือ 130/90 มิลิลเมตรปรอท เพราะหากความดันโลหิตสูงมากอาจจะทำให้เส้นเลือดในสมองแตกได้ ซึ่งทรงผลต่อการเป็นอัมพฤกษ์และอัมพาตจนถึงขั้นเสียชีวิต
**สิ่งสำคัญสำหรับการรักษาโรคเบาหวานคือ ออกกำลังกาย ควบคุมอาหาร เฝ้าสังเกตุร่างกายของตนเอง เพียงแค่นี้ระดับน้ำตาลในเลือดก็จะกลับคืนสู่ภาวะปกติ
อาหารผู้ป่วยเบาหวาน
ตารางสารอาหารที่ต้องการสำหรับคนที่ป่วยเบาหวาน |
ตัวอย่างเมนูอาหารเบาหวาน
อาหารเบาหวานน้ำตาลน้อย |
อาหารเบาหวาน |
อาหารเบาหวานมีส่วนประกอบของผักเยอะๆ |
อาหารผู้ป่วยเบาหวาน ไขมันต่ำ |
อาหารผู้ป่วยเบาหวานสำหรับคนที่น้ำตาลยังไม่เยอะมาก |
สมุนไพรรักษาเบาหวาน
สำหรับคนที่ต้องการรักษาโรคเบาหวานโดยการใช้สมุนไพรเราได้นำข้อมูลเกี่ยวสมุนไพรรักษาเบาหวานมาแนะนำ เพราะการใช้ยาบ่อยๆก็จะทำให้เป็นอันตรายต่อไตได้ว่านหางจระเข้เป็นสมุนไพรรักษาเบาหวานชนิดหนึ่ง |
|
บิลเบอร์รี่ สมุนไพรรักษาเบาหวาน |
มะระจีนเป้นสมุนไพรรักษาเบาหวาน |
สมุนไพรรักษาเบาหวานอบเชย |
ลูกซัดช่วยในการลดเบาหวานในเลือด |
ขิงรักษาเบาหวาน |
นี่ก็เป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งของสมุนไพรรักษาเบาหวานเท่านั้น ยังมีอีกเยอะลองค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมได้ส่วนมากจะเป็นผักใบเขียว
อาหารที่เสี่ยงที่จะเป็นโรคเบาหวาน
อาหารทอด อาหารหวาน ทำให้เสี่ยงต่อการเป็นโรคเบาหวาน |
- น้ำผลไม้ที่มีส่วนประกอบของน้ำตาลมาก
- เค้กและน้ำผึ้งโดยเฉพาะแพนเค้กที่เด็กชอบกัน
- อาหารทอดน้ำมันเยอะเช่น เฟรชไฟส์
- ช็อคโกแล็ตรวมถึงอาหารที่มีน้ำตาลเยอะๆ
ยารักษาโรคเบาหวาน
ยารักษาโรคเบาหวานจะมีคุณสมบัติในการลดน้ำตาลในเลือดเป็นหลัก ผู้ป่วยเบาหวานควรใช้ยาให้เหมาะสมกับระดับน้ำตาลและการแพ้ยาของแต่ละคน เราก็ได้รวบรวมข้อมูลของยารักษาเบาหวานตามตารางด้านล่างชื่อสามัญ | ขนาดเม็ด ( มก) | ขนาดยาต่อวัน (มก.) | วิธีการใช้ จำนวนครั้ง/วัน | ระยะเวลาออกฤทธิ์ (ชม.) | ทางขับยา |
Metformin | 500,850 | 500-3000 | 2-3 หลังอาหาร | 5-6 | ไต |
Acarbose | 50,100 | 150-300 | 3 พร้อมอาหาร | ไม่ถูกดูดซึม | |
Troglitazone | 200 | 200-600 | 1 | 9 | |
Sulfonylurea | |||||
Tolbutamide | 500 | 500-3000 | 2-3 | 6-10 | ไต 100% |
Chlorpropamide | 250 | 125-500 | 1 | 24-72 | ไต 100% |
Glibenclamide | 5 | 2.5-30 | 1-2 | 20-24 | ไต 50% |
Glipizide | 5 | 2.5-30 | 2 | 12-14 | ไต 85% |
Glicazide | 80 | 40-320 | 1-2 | 10-15 | ไต 60-70% |
Gliquidone | 30 | 15-120 | 1-2 | 8-12 | ไต5-10% |
Glimepiride | 1,2,3 | 1-6 | 1 | 24 | ไต 60% |
Repaglinide | 1,2,3 | 1-16 | 3 |