โรคปลายประสาทอักเสบ หรืออีกชื่อหนึ่งคือ ปลายประสาทเสื่อม เป็นความผิดปกติของระบบประสาทส่วนปลาย โดยสามารถเกิดกับเส้นประสาทเพียงเส้นเดียวหรือพร้อมกันหลายๆ เส้นก็ได้ มักพบได้ในผู้ป่วยวัยกลางคนที่มีเบาหวานเป็นโรคประจำตัว ผู้ที่ดื่มสุราจัด หรือจากสาเหตุอื่นๆ ทำให้ผู้ป่วยมีอาการชาและหรืออาการเจ็บที่ปลายมือปลายเท้า อาการมือเท้าเย็น หรือแม้แต่การไม่รู้สึกตัวขณะเหยียบของมีคมก็เป็นได้
แล้วอะไรคือปลายประสาท
อธิบายให้เข้าใจกันง่ายๆ ปลายประสาทก็คือเส้นประสาทที่อยู่ในระบบประสาทส่วนปลาย เป็นส่วนที่เหลือทั้งหมดนอกเหนือจากสมองและไขสันหลังซึ่งอยู่ในระบบประสาทส่วนกลางนั่นเอง ซึ่งโดยปกติจะทำหน้าที่เป็นเซลล์ประสาทรับความรู้สึก และเซลล์ประสาทสั่งการ ทำหน้าที่นำสัญญาณประสาท เข้าและออกจากระบบประสาทส่วนกลาง
1.เส้นประสาทถูกกดทับเฉพาะที่
สาเหตุนี้เกิดขึ้นเมื่อเส้นประสารทส่วนใดส่วนหนึ่ง ในบริเวณในบริเวณหนึ่งโดนกดทับเป็นเวลานานๆ
โรคปลายประสาทอักเสบมีอาการอย่างไร
- Carpal Tunnel Syndrome คือการที่เส้นประสาทบริเวณข้อมือถูกกดทับ โดยทั่วไปมักพบในคนที่ใช้ข้อมืออย่างหนักสะสมเป็นระยะเวลานานๆ จนสุดท้ายส่งผลให้เนื้อเยื่อบริเวณข้อมือก่อตัวหนาขึ้นและไปกดรัดเส้นประสาทบริเวณเดียวกัน
- การที่เส้นประสาทถูกกดเบียดตามส่วนต่างๆ ของร่างกาย เช่น หมอนรองกระดูก สะโพก ทำให้รู้สึกชาและเจ็บในบริเวณนั้น ซึ่งกลุ่มอาการเหล่านี้มักเกิดกับคนที่มีปัญหาเรื่องน้ำหนักเกิน โดยจะมีปัญหาเมื่อนั่งอยู่ในท่าเดิมนานๆ หรือใส่กางเกงที่รัดแน่นไป
- โรคเบาหวาน ครึ่งหนึ่งของผู้ป่วยที่เป็นมานานและไม่สามารถควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้ดีนั้น มักเกิดอาการชาจากปลายประสาทอักเสบตามมา โดยเราจะเรียกโรคปลายประสาทอักเสบที่เกิดในผู้ป่วยเบาหวานว่า Diabetic neuropathies
- การติดเชื้อที่ระบบทางเดินหายใจ อาจเป็นการติดเชื้อไวรัสที่ระบบทางเดินหายใจส่วนบนทำให้เกิดการอักเสบตามมา
- ภูมิคุ้มกันผิดปกติ ภูมิคุ้มกันบกพร่อง ในรายที่เป็นไม่มากจะมีอาการอ่อนแรง ชา แต่จะยังสามารถใช้ชีวิตปกติได้ แต่ในผู้ป่วยรายที่เป็นรุนแรงจนถึงกล้ามเนื้อที่เกี่ยวข้องกับการหายใจ อาจต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ ใส่ท่อช่วยหายใจ
- การเกิดปฏิกิริยาภูมิแพ้ตัวเองของร่างกาย ร่างกายสามารถฟื้นได้แต่ต้องใช้เวลาซักระยะหนึ่ง โดยต้องมีการให้ยากลุ่มที่เป็นเซรั่มแก้อาการแพ้เข้าไปช่วย และหากเกิดการติดเชื้อรุนแรงบริเวณกล้ามเนื้อที่แขนขา อาจต้องทำกายภาพบำบัดเพื่อแก้ไขอาการอ่อนแรง
- โรคอื่นๆ เช่นไทรอยด์บางชนิด โรคไตวายเรื้อรัง โรคพิษสุราเรื้อรัง โรคเอสเอลอี หรือโรคมะเร็งบางชนิด (มะเร็งปอด มะเร็งต่อมน้ำเหลือง)
- เส้นประสาทเกิดความเสียหายจากอุบัติเหตุที่ทำให้เกิดการบาดเจ็บ
- ยาบางชนิด เช่น ยาต้านมะเร็ง ยากันชัก ยาปฏิชีวนะบางชนิด
- สารพิษบางชนิด เช่น สารตะกั่ว ปรอท
- ขาดสารอาหารบางชนิด เช่น วิตามินบี เนื่องจากมีการบริโภคอาหารที่ดีขึ้น สาเหตุนี้จึงถูกพบได้น้อยลงมากในปัจจุบัน
โรคปลายประสาทอักเสบมีอาการอย่างไร
อาการโรคปลายประสาทอักเสบ |
การทำลายเส้นประสาทที่ไปเลี้ยงแขนขา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในขา ซึ่งมักจะเป็นพร้อมกันในขาทั้งสองข้าง เป็นการอักเสบที่พบได้บ่อยที่สุด ซึ่งผู้ป่วยจะมีอาการดังนี้
- การไม่มีความรู้สึกต่ออุณหภูมิที่เปลี่ยนแปลงไป ไม่รู้ร้อนรู้หนาว เนื่องจากอาการชาที่บริเวณปลายเท้าทั้งสอง โดยมักจะเกิดที่ปลายนิ้วก่อน แล้วค่อยๆลุกลามขึ้นเรื่อยๆ อาจมีอาการชามือร่วมด้วย ซึ่งอาการชาเหล่านี้จะส่งผลเสียทำให้ไม่สามารถรู้ตัวเมื่อเกิดบาดแผลตามร่างกายได้ อาการชามักไม่สามารถรักษาให้ทุเลาลงได้ แต่การควบคุมน้ำตาลอาจจะทำให้อาการดีขึ้นในรายที่เพิ่งเป็นหรือยังเป็นไม่มาก
- มีอาการแสบร้อนบริเวณปลายเท้า เจ็บปวดเหมือนมีเข็มแทง
- หากสัมผัสอาจจะทำให้เกิดอาการปวด
- มีปัญหาเรื่องการทรงตัว
โดยส่วนใหญ่อาการจะรุนแรงในเวลากลางคืน ข้อเท้าอาจจะมีการเสียรูป และมีแผลที่เท้าซึ่งเรียกว่า Charcot’s joint ซึ่งเป็นการอักเสบของข้อเท้าในผู้ป่วยเบาหวานที่มีอาการของโรคปลายประสาทอักเสบ ส่งผลให้ผู้ป่วยไม่สามารถระบุตำแหน่งเท้าของตนเองได้อีกต่อไป ดังนั้นผู้ป่วนเบาหวานจึงควรสังเกตข้อเท้าของตนอย่างสม่ำเสมอว่ามีอาการบวม แดง ร้อน หรือมีอาการกดทับหรือไม่ เพื่อป้องกันปัญหาการติดเชื้อที่อาจตามมาได้
การอักเสบของเส้นประสาทเส้นเดียว Focal Neuropathy
เป็นการอักเสบที่เกิดกับเส้นประสาทเพียงเส้นเดียว เช่น ถ้าเส้นประสาทที่ไปเลี้ยงขาเกิดการอักเสบ ผู้ป่วยจะมีอาการปวดบริเวณหน้าขา ปวดบริเวณหลัง ปวดท้อง เจ็บหน้าอก ปวดหลังกระบอกตา มองเห็นภาพซ้อน ปากเบี้ยว ซึ่งการอักเสบในลักษณะนี้มักเป็นสิ่งที่ไม่สามารถคาดการณ์ได้ เกิดในผู้สูงอายุและสามารถหายได้เองเป็นส่วนใหญ่
การรักษาโรคปลายประสาทอักเสบ
การรักษาโรคปลายประสาทอักเสบ |
สำหรับการรักษาโรคปลายประสาทอักเสบในปัจจุบันนั้น ยังไม่มีวิธีการรักษาใดที่สามารถให้ผลการรักษาได้เป็นที่น่าพอใจ แต่ก็มีแนวทางการรักษาหลากหลายวิธีขึ้นกับสถานการณ์ของผู้ป่วยเป็นรายๆไป ซึ่งในบางกรณีอาจจะใช้หลายๆวิธีร่วมกันก็ได้
1.การกำจัดสาเหตุที่เป็นตัวก่อโรค
- หากการอักเสบเกิดจากการที่เส้นประสาทถูกกดทับ ก็ควรลดพฤติกรรมและความเสี่ยงใดๆก็ตามที่จะทำให้เส้นประสาทโดนกดทับเป็นเวลานาน เช่น การพยายามไม่อยู่ในท่าทางเดียวเป็นเวลานาน
- .ในกรณีของผู้ป่วยเบาหวาน ควรปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ในการควบคุมเบาหวานอย่างเคร่งครัด พยายามรักษาระดับน้ำตาลให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ เช่น การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการรับประทานอาหาร ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
- ยาแก้อักเสบ
- ยาแก้ปวดในกรณีที่มีอาการปวดเกิดขึ้น
- วิตามิน เช่น B12 ช่วยส่งเสริมในกระบวนการซ่อมแซมเส้นประสาท สามารถบรรเทาอาการชา รวมถึงอาการอื่นๆที่เกิดขึ้นได้
4.การทำกายภาพบำบัด
เป็นวิธีการรักษาที่มีประโยชน์มาก และมีความจำเป็นในการรักษาของทุกโรค ทุกสาเหตุของเส้นประสาทที่ผิดปกติ โดยวัตถุประสงค์ของการทำกายภาพบำบัดคือ เพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อนบางอย่าง เช่นการลีบของกล้ามเนื้อ ข้อยึดติด และเพื่อการฟื้นฟูสภาพของกล้ามเนื้อและระบบประสาท โดยทั่วไปสามารถทำได้ด้วยตนเอง หรือมีญาติเป็นผู้ช่วย โดยผ่านคำแนะนำของแพทย์และนักกายภาพบำบัด การทำกายภาพบำบัดควรทำให้สม่ำเสมอทุกวัน ครั้งละ ½ – 1 ชั่วโมง ทั้งช่วงเช้าและเย็น นอกจากนี้ในกรณีที่มีอาการชา ผู้ป่วยไม่ควรประคบร้อนด้วยตนเอง เพราะบางครั้งจะไม่สามารถรู้เลยว่าสิ่งที่นำมาประคบนั้นมีความร้อนมากน้อยเพียงใด ส่งผลให้เกิดแผลจากการถูกของร้อนมากๆตามมาได้
5.การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมอื่นๆ ในการดำรงชีวิตประจำวัน เช่น คุมน้ำหนักไม่ให้เกินเกณฑ์มาตรฐาน
ใส่ใจดูแลรักษาเท้าให้มากกว่าคนปกติ หากมีอาการแน่นท้อง ให้รับประทานอาหารเป็นมื้อย่อยๆ หลายๆมื้อ โดยลดปริมาณในแต่ละมื้อ หากมีอาการหน้ามืด วิงเวียนศีรษะขณะเปลี่ยนท่านั่ง ให้นอนโดยยกศีรษะให้สูงขึ้น ให้ผ้าพันขา
ยาที่ใช้ในการรักษาโรคปลายประสาทอักเสบ
- ยาหลักๆ ที่ใช้ในการการรักษาโรคปลายประสาทอักเสบ ได้แก่
- ยาแก้อักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ (NSAIDS)
- ยาแก้ปวดต่างๆ เช่น paracetamol, amitriptyline, nortriptyline, carbamazepine lyrica เป็นต้น
- วิตามินบี ซึ่งมีส่วนช่วยลดอาการเหน็บชาได้
สมุนไพรที่ใช้รักษาโรคปลายประสาทอักเสบ
มีสูตรสมุนไพรที่ว่ากันว่าใช้รักษาโรคปลายประสาทอักเสบได้ ซึ่งมีส่วนผสมดังนี้
- ใบย่านาง
- ใบมะกา
- โคคลาน
- เถาเอ็นอ่อน
- สะค้าน
- ยาดำ
- ลูกกระดอม
- รากคูน
- มะตูมอ่อนแห้ง
- ลูกขี้กาแดง
- รากช้าพลู