อาการปวดเข่า เป็นกลุ่มอาการที่พบได้บ่อยในกลุ่มวัยกลางคนและผู้สูงอายุ อัตราการเกิดโรคมีแนวโน้มสูงขึ้นเรื่อยๆในทุกปี จากการที่มีจำนวนประชากรผู้สูงอายุเพิ่มมากขึ้น และเนื่องจากเข่าเป็นข้อต่อของร่างกายที่ทำหน้าที่แบกรับน้ำหนักตัวขณะที่เรายืน เดิน ซึ่งเป็นกิจวัตรที่เราไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ เมื่อมีความผิดปกติเกิดขึ้นจึงส่งผลรบกวนต่อกิจวัตรประจำวันหรือการทำงาน
ปวดเข่า |
ข้อเข่าประกอบด้วยกระดูก 3 ชิ้น ได้แก่ กระดูกต้นขา กระดูกหน้าแข้ง และกระดูกสะบ้า ซึ่งยึดติดกันด้วยเส้นเอ็น ผิวสัมผัสของกระดูกทั้งสามจะมีเยื่อบุข้อเซลล์ประสาทรับความรู้สึก และมีกระดูกอ่อนลักษณะเรียบ ลื่น ผิวมันวาวคลุมอยู่ เพื่อรองรับแรงกระแทกที่เกิดขึ้นขณะที่มีการเคลื่อนไหว อีกทั้งทำให้รูปร่างกระดูกพอดีกัน
สาเหตุหลักของอาการปวดเข่ามักเกิดจาก
- ข้อเข่าเสื่อม
- ข้ออักเสบจากการติดเชื้อ อาจเป็นแบบเฉียบพลันหรือเรื้อรัง เช่น ข้ออักเสบเป็นหนองจากเชื้อแบคทีเรีย วัณโรคข้อเข่า เป็นต้น
- ข้ออักเสบจากผลึกเกลือ เช่น ข้ออักเสบจากโรคเก๊าท์ซึ่งเกิดจากผลึกกรดยูริก เป็นต้น
- โรคข้อบางชนิด เช่น ข้ออักเสบรูมาตอยด์
- อุบัติเหตุ เช่น หกล้มแล้วปวดขา กระดูกสะบ้าเคลื่อน เอ็นฉีกขาด เข่าบวมอักเสบ
- การอักเสบของเอ็นที่อยู่รอบๆข้อ
อาการที่เป็นสัญญาณบ่งบอกว่าข้อเข่ากำลังมีปัญหา
- เจ็บปวดบริเวณข้อเข่า ซึ่งมักเป็นแบบปวดเมื่อย
- ข้อเข่าอ่อน หรือสะดุดติด
- ข้อเข่าติด ซึ่งอาจพบในบางช่วงเวลา เช่น ตอนเช้าหรือหลังตื่นนอน
- ข้อเข่าหลวมมีเสียงดังขณะเคลื่อนไหว
- ข้อเข่าบวม รู้สึกร้อนภายในข้อเข่า
ปัญหาปวดเข่าเป็นเพียงอาการ ซึ่งแพทย์จะต้องทำการตรวจร่างกาย ซักประวัติอย่างละเอียด เพื่อหาสาเหตุ รวมถึงประเมินการอักเสบของข้อต่างๆ ซึ่งบางครั้งอาจต้องอาศัยผลตรวจทางห้องปฏิบัติการเพิ่มเติม เช่น การตรวจเลือด ถ่ายภาพรังสี เป็นต้น
การรักษาอาการปวดเข่า
รักษาอาการปวดเข่า |
โดยทั่วไปจะเน้นรักษาอาการตามสาเหตุ หรือลดปัจจัยกระตุ้นที่ทำให้เกิดอาการ ได้แก่
1.การใช้ยา ยาที่ใช้บ่อยได้แก่
- พาราเซตามอล เพื่อบรรเทาอาการปวด กรณีที่ไม่ปวดมาก ซึ่งแนะนำให้ใช้ในภาวะข้อเสื่อม
- ยาต้านการอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ ซึ่งจะช่วยลดอาการปวดและการอักเสบได้ดี แต่ต้องระวังเรื่องโรคกระเพาะอาหารและโรคไต
- ยาที่ใช้รักษาหรือแก้ไขที่สาเหตุที่แท้จริง ได้แก่ ยาลดกรดยูริก ในกรณีที่เป็นโรคเก๊าท์ ยาต้านจุลชีพ กรณีที่มีการอักเสบติดเชื้อ
3.การพักข้อ ในกรณีที่มีการอักเสบแบบเฉียบพลัน ซึ่งมักจะมีอาการปวดบวมมาก การพักทำได้โดย การลดการยืน เดิน ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ หรืออาจจะใช้เครื่องช่วยเดิน เช่น ไม้เท้า เพื่อแบ่งเบาน้ำหนักตัวที่ข้อเข่าต้องแบกรับ
4.การถนอมข้อ ซึ่งจำเป็นมากกรณีที่มีปวด หรือการอักเสบเรื้อรัง ทำได้โดย
- การไม่ยืน เดินมากเกินไป เช่น ขณะรีดผ้าหรือเตรียมอาหาร ให้นั่งเก้าอี้แทนการยืน ขึ้นลงบันไดเท่าที่จำเป็น
- ใช้ไม้เท้าหรืออุปกรณ์ช่วยเดิน
- ลดน้ำหนักตัว เนื่องจาก เข่าต้องทำหน้าที่รับน้ำหนักตัว
- ไม่งอหรือพับเข่ามาก ได้แก่ งดการนั่งขัดสมาธิ นั่งพับเพียบ หรือนั่งยองๆ
ท่าที่ 1 นอน-กดเข่า
นอนหงาย ใช้หมอนใบเล็กหนุนใต้เข่าทั้งสอง กดเข่าพร้อมกระดูกข้อเท้า เหยียดเข่าข้างหนึ่งให้ตรงที่สุด เกร็งไว้ 5-10 วินาที เอาลงพัก แล้วเหยียดเข่าอีกข้างหนึ่งเช่นเดียวกัน ทำสลับกันข้างละ 10 ครั้ง
ปวดเข่า |
นอนหงาย ใช้หมอนใบเล็กหนุนใต้เข่าทั้งสอง กดเข่าพร้อมกระดูกข้อเท้า เหยียดเข่าข้างหนึ่งให้ตรงที่สุด เกร็งไว้ 5-10 วินาที เอาลงพัก แล้วเหยียดเข่าอีกข้างหนึ่งเช่นเดียวกัน ทำสลับกันข้างละ 10 ครั้ง
ท่าที่ 2 นอน-ยกขาเหยียดเข่า
นอนหงายชันเข่าด้านตรงข้ามกับที่มีอาการเจ็บ ทำมุม 45 องศา ยกขาด้านที่เจ็บขึ้นให้เข่าเหยียดตรงสูง 45-60 องศา เกร็งไว้ 5-10 วินาที ทำสลับกันข้างละ 10 ครั้ง
ปวดเข่า |
นอนหงายชันเข่าด้านตรงข้ามกับที่มีอาการเจ็บ ทำมุม 45 องศา ยกขาด้านที่เจ็บขึ้นให้เข่าเหยียดตรงสูง 45-60 องศา เกร็งไว้ 5-10 วินาที ทำสลับกันข้างละ 10 ครั้ง
ท่าที่ 3 นั่ง-ยกเหยียดเข่า
ปวดเข่า |
ทำได้โดยนั่งเก้าอี้ที่มีพนักพิง นั่งพิงพนักเก้าอี้ เหยียดเข่าตรง หรือให้ปลายขาขนานกับพื้น นับ 1-5 ช้าๆแล้ววางลง นับเป็น 1 ครั้ง ให้ทำข้างละ 10-20 ครั้งต่อชุด วันละ 2 ชุด หากทำได้ดีแล้วอาจผูกน้ำหนักที่บริเวณเหนือข้อเท้า เพื่อให้ขาหนักขึ้น โดยเริ่มต้นจากน้ำหนักน้อยๆ จำนวนครั้งน้อยๆก่อน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับวัย และสภาพของผู้ออกกำลัง
6.ใช้ความเย็นประคบกรณีที่ปวดบวมแบบเฉียบพลัน โดยเฉพาะ 24 ชั่วโมงแรก หลังเกิดอุบัติเหตุ
7.ใช้ความร้อนประคบกรณีที่มีอาการเรื้อรัง การใช้ความร้อนควรระมัดระวังอย่าให้ความร้อนมากเกินไป เพราะอาจทำให้เกิดแผลไหม้ได้ แนะนำให้ใช้ผ้าขนหนูชุบน้ำอุ่นบีบหมาดๆ หรือใช้กระเป๋าน้ำร้อนโดยมีผ้าพันทับก่อนวางประคบ โดยวางนานประมาณ 10-15 นาที ทั้งนี้ ต้องระวังเป็นพิเศษในกรณีผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับการรับความรู้สึก เช่น ผู้ป่วยเบาหวานที่มีอาการชาจากปลายประสาทผิดปกติ หรือผู้ป่วยที่ไม่สามารถร่วมมือหรือบอกความรู้สึกได้ เช่น ผู้ป่วยความจำเสื่อม เป็นต้น การใช้ความเย็นหรือความร้อนประคบ จะไม่เหมาะในกรณีที่ผู้ป่วยเป็นโรคข้ออักเสบจากผลึกเกลือหรือการติดเชื้อ
8.การเจาะข้อหรือถุงน้ำ ทั้งนี้ เพื่อช่วยลดอาการปวดหรือบวม
6.การผ่าตัด เพื่อช่วยลดอาการปวด หรือการผิดรูปของข้อเข่า
ข้อปฏิบัติเกี่ยวกับการรับประทานอาหารเพื่อสุขภาพที่ดีของร่างกายและข้อ
ข้อปฏิบัติเกี่ยวกับการรับประทานอาหารเพื่อสุขภาพที่ดีของร่างกายและข้อ
- รับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่
- รับประทานผักและผลไม้ให้มาก และเป็นประจำ
- ทานเนื้อปลา เนื้อสัตว์ไม่ติดมัน ไข่ เต้าหู้ และถั่วต่างๆ
- ดื่มนมให้เหมาะสมตามวัย
- หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารรสหวานจัดและเค็มจัด
- งดเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์
- ดื่มน้ำเปล่าให้มาก ประมาณ 8-10 แก้วต่อวัน